|
หมวดหมู่ > เครื่องเสียงรถยนต์ > บทความเครื่องเสียงรถยนต์ >
DSP คำสัญญาที่ไม่จริง
วันที่ : 06/04/2016
DSP คำสัญญาที่ไม่จริง โดย...อ. ไมตรี ทรัพย์เอนกสันติ DSP มาจากคำว่า Digital Signal Processing คือวงจรประมวลผลข้อมูลที่อยู่ในรูปสัญญาณดิจิตอล เมื่อเกือบ 40 ปีมาแล้ว มีการนำเสนอการปรับปรุงระบบเสียงในบ้านด้วย DSP ดูเหมือนจะเป็นค่าย AR หรือ Acoustic Research มีการจำลองบรรยากาศของการฟังในคอนเสิร์ตฮอลล์มาไว้ในบ้าน โดยใช้ทั้งการปรับแต่งสุ้มเสียง (EQ) และการหน่วงเสียง (สร้างเสียงก้องกังวาน) ใช้ลำโพงเป็น 10 คู่ แต่โครงการนี้ก็ต้องเลิกไปในเวลาแค่ไม่กี่ปี แล้วความคิดเรื่อง DSP ก็หายไปพักใหญ่ๆ ต่อมาก็ไปโผล่ในวงการบันทึกเสียง (Studio)เพื่อการจำลองบรรยากาศห้องแสดง ดนตรี (Virtual Concert Hall ) มีการใช้ DSP ในการตกแต่ง แก้ไขข้อมูลที่บันทึก ทั้งการตัดต่อ การซ่อมเสียง การจำลองสนามเสียง การดัดแปลงเสียง (Effect) ต่อมา DSP ไปโผล่ในรีซิฟเวอร์เซอร์ราวด์บ้านเพื่อการจำลองสนามเสียงของห้องแสดงดนตรีดังๆทั่วโลก ตั้งแต่นั้นมา DSP ในโฮมเธียเตอร์ก็แพร่ระบาดไปเกือบทุกยี่ห้อ จนเมื่อระบบเสียงเซอร์ราวด์ขยับเป็น 7.1 , 9.1 , 11.1 , 9.2 , 11.2 หรือมากกว่านั้น DSP ก็จางหายไปแต่กลับไปสู่การตกแต่งดัดแปลงเพื่อสร้างหรือจำลองเสียงเซอร์ราวด์รูปแบบต่างๆ ถ้าจะว่าไปแล้ว แทบไม่มีนักเล่นนักดูที่มีความรอบรู้เข้าใจและฟังเป็น กดใช้DSP ของเหล่ารีซีฟเวอร์ เซอร์ราวด์ กันเลย เพราะเสียงที่หลอกหู การสิ้นเปลืองลำโพงและเสียงที่ไม่เป็นธรรมชาติเอาเลย มีความพยายามจะนำ DSP มาใช้ในวงการเครื่องเสียงรถยนต์ เริ่มที่การทำเป็นกล่องขนาดเขื่องแยก ซึ่งมีฟังก์ชั่นสารพัดให้ปรับได้ เช่น
อย่าหลงประเด็น DSP ไม่สามารถช่วยให้ชุดที่ติดตั้งห่วยๆ ได้คุณภาพเสียง,มิติดีขึ้น ตรงข้ามฟังใหม่ๆอาจเหมือนมี DSP ดีกว่า (เพราะติดตั้งและเลือกอุปกรณ์ห่วยๆ) แต่พอฟังไปสักพักและตัด DSP ออกจะพบว่าเสียงแม้จะไม่หวานเด็ดเผ็ดมันเท่ากับ ใช้ DSP แต่มันฟังสบายหูกว่า โล่งกว่า ผ่อนคลายกว่า ถ้าคิดจะซื้อ DSP มาเสริมในชุดเครื่องเสียง ขอแนะนำว่าเอาเงินจ้างร้านติดตั้งทำงานช้า ประณีต บรรจงอย่าให้มี อะไรผิดพลาด จะเสียค่าแรง,เวลาก็ทำไป ห้ามผิดพลาด ผมยีนยันว่าผลลัพธ์ที่ได้ดีกว่าใส่ DSP แน่นอน ฟังเป็นธรรมชาติ เป็นดนตรี มีเสน่ห์ ได้อารมณ์ชวนติดตามไม่รู้เบื่อกว่าการใส่ “ยาพิษ DSP” อย่างแน่นอน (ถ้าร้านติดตั้งระดับไฮเอนด์แห่งหนึ่งติดโชว์ลงไป 5 แสนกว่าบาท ผมเรียกเจ้าของร้านมาฟัง เมื่อใช้ DSP กับไม่ใช้ ว่า ใช้แล้วอะไรบ้างหายไป ชี้เป็นจุดๆ ปรากฏว่าเจ้าของร้านอึ้ง พูดไม่ออก ได้แต่พยักหน้ายอมรับทั้งๆที่ DSP นั้นราคา 7 หมื่นกว่าบาท เนื่องจาก DSP ทำงานบนพื้นฐานสัญญาณดิจิตอลล้วนๆกับการเขียนโปรแกรม (Software) พูดง่ายๆว่าดุจคอมพิว เตอร์ตัวหนึ่งดีๆนี่เองจึงสามารถปรับปรุง (Up Grade) หรือคิดลูกเล่นการตกแต่งเสียงอย่างไรก็ได้ในอนาคต จำกัดอยู่แต่จินตนาการของผู้ออกแบบเท่านั้นทำให้บางคนมอง DSP ดุจพระเอกขี่ม้าขาวที่ใช้ตกแต่ง แก้ไข อะไรก็ได้ เสกได้หมด DSP ติดรถเริ่มเป็นที่กล่าวถึงหนาหูขึ้น อย่างน้อยในบางกลุ่มนักเล่น เมื่อสนนราคาของ DSP ถูกทำให้ต่ำลงจากระดับ 3 – 4 แสนบาท/กล่องลงมาอยู่ที่ 2 – 7 หมื่นบาทน่าแปลกที่ระดับไม่ถึงหมื่นก็พอมี แต่ฟังก์ชั่นจะมีแค่ 1 – 2 อย่าง ระดับต่ำกว่า 2 หมื่นบาทจะมีฟังก์ชั่นมากขึ้น ถ้า 7 หมื่นกว่าจะค่อนข้างครบหลากหลาย ถ้าตัดประเด็นที่ผลกำไรของการขายกล่อง DSP ค่อนข้างงามออกไป (นี่คือสาเหตุที่ร้านติดตั้งพยายามเชียร์ขายให้ลูกค้า) เรามาดูว่าจริงๆแล้ว DSP ช่วยได้จริงหรือไม่ ผมจะเล่าประสบการณ์ให้ฟังจากการเคยใช้งานจริงๆ
www.maitreeav.com |